หากเลือกฟันปลอมที่มีระบบยึดแน่นมากขึ้น เช่น ฟันปลอมยึดกับรากฟันเทียม ราคาจะอยู่ที่ 30,000–60,000 บาทต่อขากรรไกร สำหรับฟันปลอมติดแน่น หรือฟันปลอมชนิดรากฟันเทียม ราคาจะเริ่มที่ 55,000–70,000 บาทต่อ 1 ซี่ ส่วนแบบติดแน่นทั้งปาก (All-on-4/All-on-6 หรือ Full Implant Bridge) มีราคาตั้งแต่ 155,000 ถึง 700,000 บาทขึ้นไป ราคาขึ้นกับวัสดุและจำนวนรากฟันเทียมที่ใช้
นอกจากนี้ ราคาฟันเทียมยังมีปัจจัยอื่นที่มีผลกระทบ เช่น ทำในเขตกรุงเทพฯจะราคาสูงกว่าในต่างจังหวัด หรือถ้าเลือกวัสดุนำเข้า วัสดุเซรามิก หรือเทคโนโลยี CAD/CAM ราคาก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย โดยในปี 2025 หลายคลินิกนำนวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการผลิตฟันเทียมและความสะดวกสบายให้ผู้สูงอายุ บางแห่งให้บริการสแกนช่องปากสามมิติฟรีในช่วงโปรโมชั่น ซึ่งช่วยลดระยะเวลาการรอคอยและเพิ่มคุณภาพของฟันเทียมที่ได้รับ
ทางเลือกฟันเทียมที่พบบ่อยและข้อมูลราคาในปี 2025
ฟันปลอมถอดได้ (อะคริลิก)
- ราคา: 15,000 – 30,000 บาทต่อขากรรไกร (ทั้งปากประมาณ 30,000 – 60,000 บาท)
- เหมาะกับ: ผู้ที่มีงบประมาณจำกัดและต้องการดูแลทำความสะอาดเองได้ง่าย
- ข้อดี: ประหยัด ดูแลเองได้ อายุการใช้งานโดยเฉลี่ย 5–8 ปี
- ข้อควรคำนึง: ความแน่นน้อยกว่าฟันปลอมติดแน่น อาจต้องเปลี่ยนเมื่อหลวม หรือเกิดความเสียหาย
ในปี 2025 ฟันปลอมถอดได้ยังคงเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับผู้สูงอายุที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายโดยไม่ลดคุณภาพการใช้งาน ฟันปลอมชนิดนี้ดูแลได้ง่าย เพียงการล้างด้วยน้ำเปล่าและแปรงนุ่มเป็นประจำทุกวัน หลีกเลี่ยงน้ำร้อนหรือสารเคมีแรงๆ จะช่วยยืดอายุการใช้งานได้ดีขึ้น
ฟันปลอมติดแน่น (Bridge/Screw-retain)
- ราคา: 15,000 – 25,000 บาทต่อ 1 ซี่ (เช่น ฟันสะพานหรือครอบฟัน)
ทั้งปาก (All-on-4/6): ราคาเริ่มต้น 155,000 – 700,000+ บาท
- เหมาะกับ: ผู้ที่ต้องการความมั่นใจในการใช้งานคล้ายฟันจริง
- ข้อดี: อายุการใช้งาน 10–20 ปี ไม่จำเป็นต้องถอดเข้า-ออก
- ข้อควรคำนึง: ราคาสูงกว่าฟันปลอมถอดได้ ต้องพบทันตแพทย์เฉพาะทางเพื่อดูแล
ปัจจุบันในปี 2025 เทคโนโลยีการติดตั้งฟันปลอมติดแน่นได้รับการพัฒนาให้มีความแม่นยำมากขึ้น อาทิ การสแกนปากแบบดิจิทัลและการวางแผนรากเทียมด้วยคอมพิวเตอร์ ร่วมกับการรับประกันผลงานยาวนานหลายปี
รากฟันเทียม (Dental Implant)
- ราคา: 55,000 – 70,000 บาทต่อราก (รวมครอบฟัน)
- แบบทั้งปาก (Full Implant Bridge): 155,000–700,000+ บาท ขึ้นอยู่กับจำนวนรากและวัสดุที่เลือก
- เหมาะกับ: ผู้สูงอายุที่สุขภาพช่องปากและกระดูกขากรรไกรเหมาะสมสำหรับการฝังรากฟันเทียม
- ข้อดี: ลักษณะการใช้งานใกล้เคียงฟันจริง และมีความทนทาน
- ข้อควรคำนึง: ต้องผ่าตัดและใช้เวลาพักฟื้น ประมาณ 3–6 เดือน
ฟันเทียมชนิดนี้เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในแง่ฟังก์ชัน และให้ความรู้สึกใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติที่สุด แม้ราคาจะสูง แต่ในปี 2025 หลายคลินิกเสนอทางเลือกการผ่อนชำระ หรือโปรแกรมส่วนลดพิเศษสำหรับผู้สูงอายุ เช่น ผ่อนจ่าย 0% นาน 6–12 เดือน
ข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิ์และบริการจากภาครัฐในปี 2025
- สำหรับผู้สูงอายุที่ถือบัตรทอง: มีสิทธิ์รับบริการฟันปลอมถอดได้บางส่วนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย 1 ครั้ง ผ่านโรงพยาบาลรัฐหรือคลินิกในเครือข่ายของ สปสช. อาจมีเงื่อนไขและระยะเวลารอที่แตกต่าง ควรตรวจสอบกับสถานบริการโดยตรงก่อนเข้ารับบริการ
ตัวอย่างเช่น ในปี 2025 นี้ โรงพยาบาลศูนย์หลายแห่งมีรายชื่อรอรับบริการฟันปลอมถอดได้เป็นระยะเวลา 1–3 เดือน ขึ้นอยู่กับจำนวนผู้ป่วยแต่ละพื้นที่ ส่วนใหญ่ไม่ครอบคลุมรากฟันเทียมหรือฟันปลอมติดแน่น
- ฟันปลอมทั้งปากและรากฟันเทียม: ข้อมูล ณ ปี 2025 ยังไม่มีสิทธิ์สนับสนุนจากภาครัฐ ต้องชำระเงินเองที่สถานพยาบาลเอกชน
- ข้อควรทราบ: โปรโมชั่นหรือราคาพิเศษอาจมีการเปลี่ยนแปลงในแต่ละปี กรุณาตรวจสอบกับคลินิกหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรงสำหรับข้อมูลล่าสุด
ขั้นตอนและระยะเวลาในการรับบริการฟันเทียม
- ฟันปลอมถอดได้: กระบวนการโดยทั่วไปใช้เวลา 2–4 สัปดาห์ ตั้งแต่การพิมพ์ปากจนรับฟันเทียม
- รากฟันเทียม/ฟันปลอมติดแน่น: ต้องผ่านการวางแผนและตรวจวินิจฉัย ใช้เวลาทั้งกระบวนการรวมกับการพักฟื้นประมาณ 3–6 เดือน คลินิกบางแห่งอาจมีเงื่อนไขในการผ่อนชำระได้
สำหรับปี 2025 คลินิกบางแห่งให้บริการปรึกษาฟรี หรือแสกนช่องปากและประเมินแผนการรักษาโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายในช่วงต้น ช่วยให้ผู้สูงอายุสามารถตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
เกณฑ์ผู้ที่เหมาะสมสำหรับรับฟันเทียม
- เหมาะสำหรับผู้ที่สูญเสียฟันหลายซี่หรือทั้งปาก
- มีสุขภาพโดยรวมแข็งแรง หรือภาวะโรคประจำตัวควบคุมได้
- ควรมีสุขภาพเหงือกและกระดูกขากรรไกรที่เหมาะสม (ทันตแพทย์เป็นผู้ประเมิน)
- หากมีอาการเจ็บป่วยในช่องปาก เช่น เหงือกอักเสบ จำเป็นต้องรักษาก่อนรับบริการฟันเทียม
ผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัว ควรแจ้งประวัติกับทันตแพทย์ทุกครั้ง โดยเฉพาะกลุ่มที่มีเบาหวานหรือความดันโลหิตสูง แพทย์จะปรับแผนรักษาให้เหมาะสมที่สุด
คำแนะนำในการเลือกคลินิกทำฟันเทียม
- เลือกคลินิกที่มีทันตแพทย์เฉพาะทางและได้รับการรับรองมาตรฐาน
- ตรวจสอบข้อมูลโปรโมชั่นหรือเงื่อนไขการแบ่งชำระ ควรสอบถามรายละเอียดก่อนตัดสินใจ
- สอบถามใบเสนอราคาและข้อมูลวัสดุที่ใช้
- สามารถตรวจสอบชื่อเสียงคลินิกผ่านแหล่งข้อมูล เช่น โรงพยาบาล BIDC, LDC Dental, ทันตกรรมทันตกิจ, Thailand Dental Clinic ซึ่งมีทีมทันตแพทย์เฉพาะทางด้านรากฟันเทียม
ทั้งนี้ในปี 2025 คลินิกทันตกรรมเอกชนอันดับต้นๆ นิยมแจงรายละเอียดราคารวมชัดเจนตั้งแต่ต้น รวมถึงค่าตรวจ ค่าพิมพ์ปาก ค่ายาและค่าดูแลหลังการรักษา เพื่อให้เปรียบเทียบง่ายและมั่นใจในคุณภาพ
ปัจจัยที่มีผลต่อราคาฟันเทียมในปี 2025
- ประเภทของวัสดุที่เลือกใช้ (เช่น อะคริลิก โลหะ หรือวัสดุนำเข้า)
- ระบบและความซับซ้อนของการติดตั้ง
- เทคนิคและเทคโนโลยีของทันตแพทย์ในแต่ละสถานที่
- จำนวนซี่ฟันหรือขนาดของงานที่ต้องดำเนินการ
- ข้อมูลเกี่ยวกับบริการหลังการขาย เช่น เงื่อนไขประกันหรือบริการบำรุงรักษา
ข้อดีในปี 2025 คือ หลายคลินิกเริ่มให้บริการดูแลฟันเทียมระยะยาว เช่น ตรวจสุขภาพฟันฟรี (ปีละครั้ง) หรือปรับแต่งฟันปลอมฟรีในระยะเวลาที่กำหนด
การดูแลฟันเทียมและอายุการใช้งาน
- ฟันปลอมถอดได้: อายุการใช้งานโดยเฉลี่ย 5–8 ปี หากพบความเสียหายควรเปลี่ยนใหม่
- รากฟันเทียม: อายุเฉลี่ย 10–20 ปี โดยขึ้นกับการดูแลสุขภาพช่องปากของแต่ละบุคคล
- ฟันปลอมติดแน่น: ส่วนใหญ่มีการรับประกันตามเงื่อนไขของแต่ละคลินิก แนะนำเข้าพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพฟันเป็นประจำอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
สำหรับผู้สูงอายุในปี 2025 การดูแลควรร่วมกับการใช้แปรงสีฟันขนนุ่ม น้ำยาบ้วนปากสูตรอ่อน และควรงดอาหารแข็ง หรือเหนียวจัดเพื่อยืดอายุการใช้งานของฟันเทียม
ข้อเสนอแนะสำหรับการเลือกฟันเทียมในปี 2025
- ฟันปลอมถอดได้เหมาะกับผู้ที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย แต่ความแน่นอาจน้อยกว่าฟันปลอมติดแน่น
- ฟันปลอมติดแน่นและรากฟันเทียมเหมาะกับผู้ที่ต้องการความสะดวก และสุขภาพช่องปากที่แข็งแรงเพียงพอ
- ผู้ถือสิทธิ์บัตรทองควรสอบถามบริการฟันปลอมถอดได้กับสถานพยาบาลรัฐ
- การเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานมีส่วนช่วยในความปลอดภัยและคุณภาพฟันเทียม
- ควรเปรียบเทียบราคา ใบเสนอราคา หรือสอบถามข้อมูลจากคลินิกหลายแห่งเพื่อประกอบการตัดสินใจ
ทั้งนี้ในปี 2025 การใช้สิทธิ์หรือโปรโมชั่นเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ หรือการผ่อนชำระค่าใช้จ่ายช่วยให้เข้าถึงฟันเทียมคุณภาพดีได้ง่ายขึ้น และการเลือกคลินิกที่แนะนำโดยคนในครอบครัวหรือเพื่อนฝูงจะช่วยเพิ่มความมั่นใจเรื่องมาตรฐานการรักษา
ฟันปลอมประเภทครอบฟันและสะพานฟัน: เมื่อไหร่ควรเลือก ใช้แบบไหนดีกับผู้สูงอายุ?
ฟันปลอมชนิด “ครอบฟัน” (Crown) และ “สะพานฟัน” (Bridge) เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ได้รับความนิยมในปี 2025 สำหรับผู้สูงอายุที่มีฟันแท้บางซี่เสียหายหรือหายไป โดยเฉพาะในกรณีที่สูญเสียเนื้อฟันไปมากจนไม่สามารถอุดฟันหรือรักษาด้วยวิธีอื่นได้ ครอบฟันจะช่วยปกป้องเนื้อฟันที่เหลืออยู่ เพิ่มความแข็งแรง และฟื้นฟูรูปลักษณ์ของฟันให้กลับมาสวยงาม ส่วนสะพานฟันเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการทดแทนฟันที่ขาดหายไป 1–2 ซี่ โดยการเชื่อมต่อฟันเทียมกับฟันธรรมชาติที่อยู่ข้างเคียง
ตัวอย่างผู้สูงอายุที่ฟันมีอาการร้าวหรือผุขนาดใหญ่ การเลือกทำครอบฟันจะช่วยลดโอกาสที่ฟันซี่นั้นจะแตกหักมากขึ้นในอนาคต และช่วยการบดเคี้ยวได้คล้ายฟันจริง ทั้งนี้ต้องกรอแต่งฟันเดิมออกเล็กน้อยเพื่อสวมครอบฟันให้พอดี อายุการใช้งานเฉลี่ยของครอบฟันอยู่ที่ 10–20 ปี ขึ้นอยู่กับการดูแลทำความสะอาดเป็นประจำ (แนะนำให้ใช้ไหมขัดฟันและแปรงสีฟันชนิดละเอียด) และควรตรวจสุขภาพช่องปากอย่างน้อยปีละครั้งเพื่อป้องกันการเกิดโพรงผุใต้ครอบฟัน
กรณีของสะพานฟัน เหมาะกับผู้สูงอายุที่ยังมีฟันแท้ทั้งสองข้างของช่องว่างฟันหายไป ซึ่งสามารถใช้เป็นหลักรับน้ำหนักของฟันเทียมที่อยู่ระหว่างกลาง โดยสะพานฟันจะคืนประสิทธิภาพในการบดเคี้ยวอาหารและปรับการเรียงตัวของฟันให้ปกติ ตัวอย่างราคาสะพานฟันเซรามิกในปี 2025 เริ่มต้นที่ 15,000–20,000 บาทต่อซี่ ขึ้นกับวัสดุและเทคโนโลยีที่ใช้
ข้อควรระวังสำหรับผู้สูงอายุคือหากฟันธรรมชาติซี่รอบข้างไม่แข็งแรงพอ การเลือกทำสะพานฟันอาจไม่เหมาะสมและควรพิจารณาทางเลือกอื่น เช่น รากฟันเทียมหรือฟันปลอมถอดได้แทน ควรขอคำแนะนำจากทันตแพทย์เฉพาะทางเพื่อวินิจฉัยอย่างถูกต้อง
สำหรับปี 2025 หลายคลินิกเสนอแพ็กเกจการทำครอบฟัน เซรามิก หรือสะพานฟันพร้อมการประเมินสุขภาพช่องปากและโปรโมชั่นราคาพิเศษบนแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น HDmall รวมถึงบริการเปรียบเทียบราคาให้กับผู้สูงอายุโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอีกด้วย ที่สำคัญคืออย่าปล่อยปัญหาฟันชำรุดหรือหายไปค้างไว้นาน เพราะอาจนำไปสู่ปัญหาโครงหน้า เหงือก หรือการเคลื่อนตัวของฟันซี่ข้างเคียงได้ ผู้สูงอายุที่ไม่แน่ใจว่าควรเลือกทางเลือกไหน สามารถจองคิวเข้ารับคำปรึกษาเบื้องต้นจากคลินิกทันตกรรมชั้นนำในปี 2025 ได้ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เพื่อประเมินร่วมกับปัจจัยด้านสุขภาพและงบประมาณอย่างเหมาะสม
การยกเว้นความรับผิดชอบ: เนื้อหาทั้งหมด รวมถึงข้อความ กราฟิก รูปภาพ และข้อมูลที่มีอยู่ในหรือสามารถเข้าถึงได้ผ่านทางเว็บไซต์นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อข้อมูลทั่วไปเท่านั้น ข้อมูลและวัสดุที่มีอยู่ในหน้านี้ รวมถึงข้อกำหนด เงื่อนไขและคำอธิบายที่ปรากฏอาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า.